
ธุรกิจของคุณกำลัง “หยุดนิ่ง” หรือ “ขับเคลื่อน”
ค่าไฟราคาแพง ของกินราคาขึ้น ธุรกิจต่าง ๆ ไม่แน่นอน สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ ความไม่แน่นอนและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจด้วย มีผลกระทบทางบวกหรือลบขึ้นอยู่กับวิธีการจัดการและปรับตัวในธุรกิจของคุณ
ความไม่แน่นอนในธุรกิจและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ควรทำให้คุณล้มเหลว แต่ควรใช้เป็นโอกาสในการสร้างความคิดสร้างสรรค์และหาวิธีที่ดีกว่าในการดำเนินธุรกิจของคุณ นี่เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการปรับเปลี่ยนและการนำเสนอนวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดและลูกค้าในสถานการณ์ปัจจุบัน
อย่ารีรอให้ธุรกิจของคุณ “หยุดนิ่ง” โดยไม่รู้ตัว มาร่วมหาวิธี “ขับเคลื่อน” ธุรกิจของคุณให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลังกันดีกว่า
ตั้งคำถาม เพื่อหาคำตอบว่าธุรกิจคุณอยู่จุดไหน
การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดก็ตาม การตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจว่าธุรกิจของเราอยู่จุดไหน และเพื่อให้เกิดการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน การตั้งคำถามจะช่วยให้เราทราบว่าเราทำธุรกิจเพื่อเป้าหมายใด เพื่อการทำกำไรเพียงอย่างเดียวหรือเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าและสังคม การตั้งคำถามเหล่านี้จะเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนในอนาคต วันนี้เรามีคำถามและวิธีการหาคำตอบมาให้คุณ ไปลุยกันเลย
อะไรคือปัญหาที่ทำให้เกิดรายได้น้อยลง?
การแก้ปัญหาในสิ่งที่ไม่รู้สาเหตุนั้นอาจเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่หากลงมือทำอย่างเดียวไม่สนใจสาเหตุหรือที่มาให้แน่ชัดก็ไม่ต่างจากสำนวนที่ว่า “งมเข็มในมหาสมุทร” ซึ่งคุณไม่สามารถทราบได้เลยว่าสิ่งที่กำลังมองหานั้นอยู่ไหน หากคุณมองหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ธุรกิจของคุณมีรายได้ที่ลดลง คุณก็ไม่ต้องไปมองวิธีการที่หารายได้ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
วิธีการหาคำตอบของคำถามนี้:
ทบทวนข้อมูล สำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ อาจมีข้อมูลที่มีอยู่แล้วที่คุณยังไม่ได้ใช้ การทบทวนข้อมูลอาจช่วยให้คุณพบแนวโน้มหรือลักษณะที่เป็นไปได้ที่อาจส่งผลต่อรายได้ของธุรกิจของคุณ
สำรวจตลาด ศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเพื่อเข้าใจความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าของคุณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมซื้อขายหรือความต้องการของลูกค้าที่ส่งผลต่อรายได้ของธุรกิจของคุณ
แก้ไขปัญหาภายในธุรกิจ ปัญหาอาจเกิดจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับภายในธุรกิจเอง เช่น การจัดการทรัพยากรบุคคลที่ไม่เหมาะสม การบริหารงบประมาณที่ไม่ดี หรือข้อผิดพลาดในกระบวนการการผลิตหรือการบริการ สิ่งเหล่านี้ควรรีบแก้ไข
การหาคำตอบในกรณีนี้อาจจำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลภายในธุรกิจของคุณ สำรวจตลาดและคู่แข่งขัน และพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดรายได้น้อยลง จากนั้นคุณสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดหรือดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาและเพิ่มรายได้ของธุรกิจได้ตามความเหมาะสม
มีวิธีใดรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ้าง?
เมื่อคุณทราบแล้วว่าสาเหตุที่ทำให้รายได้ของธุรกิจของคุณน้อยลงคืออะไรแล้ว ก็ถึงเวลาหาวิธีการแก้ไข โดยมองไปทีละปัญหาและแยกย่อยออกมาเพื่อหาวิธีแก้ไขในปัญหานั้น ๆ ได้อย่างถูกต้อง
วิธีการหาคำตอบของคำถามนี้:
อธิบายสถานการณ์ ให้คำอธิบายเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้รายได้ของธุรกิจลดลงและปัญหาที่ต้องการแก้ไขให้ทีมเข้าใจอย่างชัดเจน
ระดมความคิด เปิดโอกาสใหุ้กคนในทีมแสดงความคิดเห็น แนวคิด หรือไอเดียที่สามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาได้ เพื่อการแก้ไขได้ตรงจุดและมีวิธีสำรองในการแก้ไขหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น
โจทย์คำถามและโจทย์แนะนำ สร้างโจทย์คำถามเพื่อช่วยให้ทีมคิดและมองเห็นมุมมองต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหา เช่น "เราสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดอย่างไรเพื่อเพิ่มรายได้?" หรือ "เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร?"
สรุปและประเมิน สรุปไอเดียและข้อเสนอที่เกิดขึ้นจากทีม โดยให้ผู้นำทีมเป็นผู้ที่สรุปข้อมูลและความคิดเห็นที่สำคัญ เมื่อสรุปเสร็จแล้ว ประเมินว่าไอเดียและข้อเสนอใดเป็นไปได้และสอดคล้องกับเป้าหมายของธุรกิจ
การหาวิธีรับมือกับปัญหายิ่งมาจากผู้ที่ประสบพบเจอกับปัญหาโดยตรง ยิ่งจะได้วิธีการที่แก้ไขได้อย่างตรงจุดจริง ๆ เพราะใคนไม่เคยเจอก็จะไม่ทราบได้ว่าปัญหาที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร
มีข้อมูลใช้วิเคราะห์ธุรกิจหรือยัง?
การจะวิเคราะห์หรือปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ จะต้องมีข้อมูลที่เพียงพอและเหมาะสมสำหรับการวิเคราะห์และการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจต่อไป หากไม่มีข้อมูลเพียงพอหรือเหมาะสมอาจทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นและการตัดสินใจไม่เป็นธรรมชาติ
วิธีการหาคำตอบของคำถามนี้:
สำรวจข้อมูลภายในธุรกิจ รวบรวมข้อมูลภายในธุรกิจของคุณ เช่น ข้อมูลการขาย การผลิต หรือประวัติทางธุรกิจ เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์และตระหนักถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจ
ข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการ ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจ เช่น คุณลักษณะเฉพาะ ความได้เปรียบต่อคู่แข่ง และความต้องการของตลาด
วิเคราะห์การเงิน วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน เช่น รายได้ ค่าใช้จ่าย กำไรสุทธิ และโครงสร้างทางการเงิน เพื่อให้คุณเข้าใจถึงสถานะการเงินของธุรกิจ
ปรึกษาและรับการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ หากคุณต้องการข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงหรือการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนเกินไป คุณอาจพิจารณาใช้บริการของผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และความสามารถในด้านที่เกี่ยวข้องในเรื่องที่ต้องการข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ธุรกิจ
การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ในการตัดสินใจและปรับกลยุทธ์ของธุรกิจของคุณ อย่าลืมทำการวิเคราะห์อย่างรอบคอบและครอบคลุมทุกด้านของธุรกิจเพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องและมีความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
สินค้าของคุณตอบโจทย์ลูกค้าจริงหรือไม่?
สินค้าคือสิ่งที่ลูกค้ามองเห็นเป็นอันดับแรก ขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะนำเสนอมันออกไปอย่างไรให้คนเข้าใจ แต่ว่าสินค้านั้นจะต้องตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วย
วิธีการหาคำตอบของคำถามนี้:
ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้า ศึกษาและวิเคราะห์ตลาดเพื่อเข้าใจความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า เช่น วิเคราะห์ผลสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า หรือวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในตลาด เพื่อพัฒนาสินค้าของคุณให้ตอบโจทย์ความต้องการอย่างตรงจุดมากขึ้น
วิเคราะห์ข้อมูลการขาย วิเคราะห์ข้อมูลการขายเพื่อเข้าใจถึงการตอบโจทย์ของสินค้าของคุณในตลาด พิจารณาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง แนวโน้มการขาย และภาพรวมของผลิตภัณฑ์ที่ถูกขายไป
ข้อมูลจากการติดต่อกับลูกค้า ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้าที่ได้รับการติดต่อหรือซื้อสินค้าของคุณ เช่น การร้องเรียน หรือการตอบกลับจากการสอบถามความพึงพอใจ เพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ดีขึ้น
เปรียบเทียบกับคู่แข่ง ศึกษาและวิเคราะห์คู่แข่งในตลาดเพื่อเปรียบเทียบสินค้าของคุณว่ามีความได้เปรียบต่อคู่แข่งหรือไม่
การหาคำตอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าสินค้าของคุณตอบโจทย์ลูกค้าหรือไม่ คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับและพัฒนาสินค้าของคุณให้ตอบสนองต่อความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าได้
ลงมือทำอย่างจริงจังมากแค่ไหน?
เมื่อทุกอย่างถูกคิดมาอย่างดีแล้ว แต่ยังไม่ลงมือทำจริงจังสักทีธุรกิจก็คงหยุดอยุ่ที่เดิมอย่างแน่นอน หากลงมือทำเลยโดยตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนให้กับทีม ธุรกิจของคุณมีโอกาสที่เติบโตและขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดดได้
วิธีการหาคำตอบของคำถามนี้:
ทบทวนความตั้งใจและความมุ่งมั่น ทบทวนความตั้งใจของคุณในการลงมือทำธุรกิจ ตราบใดที่คุณมีความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่สูงต่อการพัฒนาและสร้างความสำเร็จของธุรกิจของคุณ
ประเมินระดับการลงมือทำ ประเมินระดับการลงมือทำของคุณ ว่าคุณมีการกระทำที่จริงจังและตรงจุดหรือไม่ ตรวจสอบว่าคุณมีการทำงานตามแผนหรือกิจกรรมที่กำหนดไว้อย่างต่อเนื่องและมีความสมดุลกันหรือไม่
ตรวจสอบและปรับปรุง ตรวจสอบความก้าวหน้าและผลสัมฤทธิ์ของการลงมือทำของคุณ ถ้าคุณพบว่าคุณยังไม่ลงมือทำอย่างจริงจังเพียงพอ ให้ทำการปรับปรุงแผนการทำงาน หรือกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นเพื่อให้คุณลงมือทำอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น
คำตอบที่แท้จริงจังสำหรับคำถามนี้จะอยู่ที่ความพร้อมของคุณในการลงมือทำและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณ อย่าลืมทำตามแผนและตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อเติมเต็มแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นในการลงมือทำอย่างจริงจังและสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณ
เพื่อให้ผลลัพธ์ของการลงมือทำเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แนะนำให้ใช้เครื่องมือ MANAWORK เป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้คุณกำหนด OKRs ขององค์กรและจัดการงานได้ในระบบเดียว ด้วยฟีเจอร์ Goals ที่พร้อมลุยไปกับความสำเร็จของคุณ อัปเดตความคืบหน้าเป้าหมายได้แบบ Real Time เพื่อให้ทุกคนในทีมรู้สึกท้าทายและลงมือทำอย่างจริงจังสักที
อยากรู้จัด OKRs ให้มากขึ้น อ่านเพิ่มเติม OKR คืออะไร? ทำไมจึงเป็นรูปแบบการตั้งเป้าหมายที่ใครๆ ก็สนใจ คลิก
กุญแจสำคัญที่องค์กรยุคใหม่ต้องใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ

ในยุคใหม่นี้มีสิ่งสำคัญหลายอย่างที่องค์กรควรใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของตนเข้าสู่ความสำเร็จอย่างไม่หยุดนิ่ง นี่คือกุญแจสำคัญที่สำคัญต่อองค์กรในยุคใหม่
นวัตกรรมและการปรับตัว
องค์กรควรทำความเข้าใจและปรับตัวเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมที่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลง เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดและความต้องการของลูกค้า การใช้เทคโนโลยีใหม่ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ เป็นต้น
การทำความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดและความต้องการของลูกค้า จำเป็นต้องทำการวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าในระดับที่ลึก โดยใช้ข้อมูลและการสำรวจตลาด การทำความเข้าใจนี้ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การนำเอานวัตกรรมและการปรับตัวมาใช้ในองค์กรส่งผลให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น ช่วยลดต้นทุน สร้างรายได้เพิ่มขึ้น และสร้างความได้เปรียบในตลาดที่แข่งขันอย่างไม่หยุดยั้ง นอกจากนี้ นวัตกรรมและการปรับตัวยังช่วยสร้างสภาวะที่มั่นคงและยืดหยุ่นภายในองค์กร เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในสภาวะภูมิปัญญา และสร้างความพร้อมในการรับมือกับอุปสรรคและโอกาสใหม่ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เทคโนโลยีและดิจิทัล
เทคโนโลยีและดิจิทัลเป็นกุญแจสำคัญที่องค์กรต้องใช้เป็นเพราะว่าเทคโนโลยีและดิจิทัลได้มีผลกระทบต่อทุกด้านของธุรกิจ ช่วยให้องค์กรเติบโตและปรับตัวในสภาวะการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
ทำไมต้องใช้เทคโนโลยีและดิจิทัล:
เปิดโอกาสในการเข้าถึงตลาดและลูกค้า เทคโนโลยีและดิจิทัลช่วยให้องค์กรสามารถติดต่อและสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์, เว็บไซต์, หรือแอปพลิเคชันมือถือ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการขององค์กรได้อย่างสะดวกสบาย และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วและเชิงพาณิชย์
เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เทคโนโลยีและดิจิทัลช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงกระบวนการธุรกิจภายใน เช่น กระบวนการทำงานอัตโนมัติ การใช้ระบบการจัดการทรัพยากรองค์กร (ERP) เพื่อปรับปรุงความเป็นมาตรฐานและความเป็นอิสระของการทำงาน และการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIS) เพื่อให้สารสนเทศและการวิเคราะห์ที่ถูกต้องแม่นยำกว่าเดิม
ปรับตัวในการแข่งขัน องค์กรที่นำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันกับองค์กรอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเลย การใช้เทคโนโลยีสามารถช่วยลดต้นทุนการดำเนินงาน สร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ รวมไปถึงพัฒนาการตลาดและการตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและเป็นประสิทธิภาพ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในเหตุผลที่ควรใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลเท่านั้น คุณต้องลองใช้ก่อนแล้วจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นไปอีกขั้น
เทคโนโลยีและดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในยุคใหม่ องค์กรที่รับรู้และปรับใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลในวิถีชีวิตและกิจการของพวกเขาอาจจะมีโอกาสที่จะเติบโตและอยู่รอดในตลาดที่แข่งขันสูงมากยิ่งขึ้นในอนาคตได้
ความยืดหยุ่นและการทำงานทีม
สถานการณ์การทำงานที่เปลี่ยนไปอย่างมากในปัจจุบัน ทำให้เกิดรูปแบบการทำงานที่หลากหลาย เช่น Hybrid Working - เลือกสถานที่ทำงานได้อย่างอิสระ หรือ Remote Working - ผสมผสานระหว่างการเข้าออฟฟิศและทำงานทางไกล เป็นต้น การทำงานแบบหลากหลายนี้ต้องการความยืดหยุ่นทั้งในเรื่องของเวลาและสถานที่ การจัดการเวลาทำงานและชีวิตส่วนตัวกลายเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถปรับตัวตามสถานการณ์และความต้องการของการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การทำงานเป็นทีมยังคงสำคัญไม่น้อย เพราะมีประโยชน์ที่สำคัญในเรื่องของการสร้างความร่วมมือ และการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ การใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือการสื่อสารในทีมเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างการทำงานที่เชื่อมต่อและร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องควบคุมและสนับสนุนทั้งความยืดหยุ่นในการทำงานแบบหลากหลายและการทำงานเป็นทีมให้สอดคล้องและมีประสิทธิภาพในองค์กรในยุคใหม่นี้
สรุป
ความไม่แน่นอนและสถานการณ์ในเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อธุรกิจของคุณ ให้คุณลองมองในมุมกลับกัน ให้ความไม่แน่นอนนั้นมาเป็นโอกาสในการสร้างความคิดสร้างสรรค์และหาวิธีที่ดีกว่าในการดำเนินธุรกิจโดยการตอบคำถามข้างต้นให้ได้ แล้วคุณจะพบคำตอบที่ว่า ธุรกิจของคุณ “หยุดนิ่ง” หรือ “ขับเคลื่อน” ทั้งนี้ อย่าหยุดที่จะพัฒนาในทุก ๆ ด้านของธุรกิจ เพื่อเติมเชื้อเพลิงให้การขับเคลื่อนไม่มีสะดุด
เร่งกำลังการขับเคลื่อนไปอีกขั้นด้วยแพลตฟอร์ม MANAWORK ที่เป็นตัวช่วยจัดการงานบริหารทีม ส่งเสริมการทำงานให้เป็นระบบ จัดการเอกสารให้เป็นระเบียบ มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ครบครัน ตอบโจทย์ทุกการทำงานยุคใหม่
- Facebook: Manawork
- E-mail: support@manawork.com
- โทร. (+66) 52 005 402 หรือ (+66) 63 535 1193
