
โปรแกรมวางแผนงาน ตัวช่วยสำคัญในการทำงานยุคใหม่

ในช่วงการระบาดของ Covid-19 สถานการณ์บังคับให้เราต่างต้อง Work From Home ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทหลายแห่งต้องปรับตัวเข้ากับการ Work From Home โดยการนำเทคโนโลยีและเครื่องมือมาใช้ในการทำงานมากขึ้น โดยเฉพาะโปรแกรมวางแผนงาน
การวางแผนงานที่ดีนอกจากทำให้การ Work From Home เป็นไปอย่างราบรื่นแล้ว ยังช่วยสนับสนุนให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะองค์กรยุคใหม่ที่ต้องการเพิ่ม Productivity ให้เยอะที่สุด ในขณะที่ใช้คนน้อยที่สุด การมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อลดเวลาในการทำงานที่ไม่จำเป็น และวางแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยองค์กรยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี และสามารถใช้งานได้ในระยะยาวแม้ว่าสถานการณ์โรคระบาดจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
ปัจจุบันมีโปรแกรมวางแผนงานให้เลือกมากมายในตลาด บริษัทหรือองค์กรต้องเลือกตามความเหมาะสมและความจำเป็นขององค์กร วันนี้เราได้รวบรวม 5 ซอฟต์แวร์ Project Management หรือโปรแกรมวางแผนงานที่ได้รับความนิยมในการใช้งานอย่างแพร่หลายมาไว้ในที่เดียว เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับองค์กรของคุณ
Google Tasks - To Do list ยอดฮิต ติดลมบน

Google Tasks เครื่องมือจัดการงานและตัวช่วยในการจัดตารางเวลาที่มีความสะดวกและใช้งานง่าย ที่สำคัญคือเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้บริการ Google ที่ใช้ Gmail หรือ Google Calendar เป็นประจำ
ตัวแอป Google Tasks มีการออกแบบอย่างเป็นระเบียบและใช้งานง่าย สามารถสร้างรายการงานใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มรายละเอียดเพิ่มเติมเช่นวันที่กำหนดสำหรับงาน, วันสิ้นสุด, และรายละเอียดงาน เป็นต้น เครื่องมือนี้ใช้งานง่ายมาก ๆ และมีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่าง จะมีอะไรบ้าง มาดูกัน
จุดเด่นของ Google Tasks

- ผสมผสานกับ Google Workspace : Google Tasks เชื่อมต่อกับ Google Workspace อย่างราบรื่น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ทำงานที่ต้องเชื่อมต่อกับ Google Drive, Google Calendar, และ Gmail ได้อย่างสะดวกและไร้รอยต่อ
- อินเตอร์เฟสการใช้งานที่ใช้งานง่าย : Google Tasks มีอินเตอร์เฟสการใช้งานที่เข้าใจง่าย มีการออกแบบที่สวยงามและเป็นระเบียบ ทำให้ผู้ใช้งานทุกระดับสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย
- ความสามารถในการกำหนดสถานะงาน : ผู้ใช้งานสามารถกำหนดสถานะงานต่าง ๆ เช่น งานที่ต้องทำในวันนี้ หรืองานที่ต้องทำในอนาคตได้ ทำให้การจัดการงานสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การแบ่งงานให้ผู้ใช้งานอื่น : Google Tasks มีคุณสมบัติในการแบ่งงานให้ผู้ใช้งานอื่นได้ ทำให้การทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น.
- การแจ้งเตือน : Google Tasks มีระบบแจ้งเตือนที่ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่พลาดงานที่ต้องทำ จัดการงานสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.
ทริกในการใช้ Google Task ที่จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น

- คุณสามารถใช้ Google Tasks ร่วมกับ Google Calendar ซึ่งจะช่วยให้คุณจดจำงานที่ต้องทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- คุณสามารถเพิ่ม Label และสีให้กับงานใน Google Tasks เพื่อช่วยจัดการงานได้อย่างมีระบบ และช่วยให้ง่ายต่อการค้นหางานที่ต้องทำ
- สามารถสร้าง Task สำหรับงานที่จำเป็นต้องทำ เช่น การเตือนตัวเองในการตอบอีเมล หรือการติดตามงานที่คุณต้องการให้เสร็จสิ้น การสร้าง Task จะช่วยให้คุณไม่ลืมเกี่ยวกับงานที่ต้องทำ
- Task Ordering ใน Google Tasks สามารถใช้จัดเรียงงานที่ต้องการจัดลำดับความสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้คุณจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- คุณสามารถใช้ Google Tasks บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงงานที่ต้องทำได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ราคา
Google Tasks เป็นบริการฟรีที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ และสามารถเข้าถึงได้ผ่านบัญชี Google ที่มีอยู่แล้ว เช่น Gmail หรือ Google Drive โดยไม่ต้องลงทะเบียนหรือสมัครใช้งานเพิ่มเติม
ClickUp - กี่ร้อย Project ก็เอาอยู่

ClickUp โปรแกรมวางแผนงานที่มีความสามารถหลากหลายในการจัดการงาน โดยมีการออกแบบกลไกการทำงานอัตโนมัติที่ง่ายต่อการใช้งาน ด้วยความสามารถในการแยกงานต่าง ๆ เป็นหมวดหมู่และแสดงผลในรูปแบบแผนภูมิ สามารถเห็นรายละเอียดงานต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนและเข้าใจง่าย
มาดูกับว่า ClickUp มีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจ และจะสามารถช่วยให้งานในองค์กรของคุณสะดวกขึ้นได้อีกหนึ่งระดับได้อย่างไร
จุดเด่นของ ClickUp

- ความสามารถในการกำหนดและการจัดลำดับความสำคัญของงาน : ClickUp มีความยืดหยุ่นสูงในการกำหนดงาน และทำให้งานที่ซับซ้อนดูง่ายขึ้น โดยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดเป้าหมาย วันที่กำหนดส่ง และลำดับความสำคัญได้อย่างสะดวก
- ฟีเจอร์การแบ่งปันงาน : ClickUp มีฟีเจอร์การแบ่งปันงานที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแบ่งปันงานกับเพื่อนร่วมงานหรือทีมได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
- การติดตามการดำเนินงาน : ClickUp มีฟีเจอร์การติดตามการดำเนินงานแบบ Real-time ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตามความคืบหน้าของโปรเจกต์และงานได้อย่างรวดเร็ว
- ความสามารถในการกำหนดเป้าหมายสำหรับทีม : ClickUp ช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดเป้าหมายสำหรับทีมได้อย่างเหมาะสมและทำให้ทีมทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
- การเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันอื่น : ClickUp มีการเชื่อมโยงกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น Google Drive, Dropbox, Trello, Slack, และอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานเป็นทีม ส่วนนี้จะทำให้การทำงานของคุณต่อเนื่อง ไม่สะดุด
ทริกในการใช้ ClickUp ที่จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น

- คุณควรระบุรายละเอียดของงานอย่างชัดเจนในแต่ละ Task รวมถึงกำหนดเวลาเสร็จสิ้นงาน, สร้าง Checklist หรือสิ่งที่ต้องการเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้ติดตามงานได้ง่ายขึ้น
- ใช้งาน Time Tracking เพื่อติดตามเวลาที่ใช้ในการทำงานของแต่ละ Task ช่วยให้ทราบถึงเวลาที่ใช้ในการทำงานและช่วยให้เก็บข้อมูลไว้สำหรับการวิเคราะห์ในภายหลังได้
- ใช้งานส่วนขยายของ ClickUp เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เช่น ส่วนขยาย Chrome เพื่อสร้าง Task ใหม่โดยไม่ต้องเปิดแอปพลิเคชัน ClickUp
- ใช้งานฟีเจอร์ Collaboration เพื่อเชื่อมต่อกับผู้ใช้งานอื่น ๆ ที่ใช้ ClickUp และแบ่งปันงาน โดยเฉพาะเวลาที่ต้องการให้ทีมทำงานร่วมกัน
ราคา
ClickUp มีแพ็กเกจการใช้งานทั้งหมด 4 แพ็กเกจ ได้แก่
- Free : ใช้งานได้ฟรี แต่จำกัดฟีเจอร์และพื้นที่เก็บข้อมูล
- Unlimited : ราคาเริ่มต้นที่ $5 ต่อเดือนต่อผู้ใช้งาน โดยไม่จำกัดฟีเจอร์และพื้นที่เก็บข้อมูล
- Business : ราคาเริ่มต้นที่ $9 ต่อเดือนต่อผู้ใช้งาน โดยมีฟีเจอร์พิเศษเช่น Custom Fields และ Custom Roles
- Enterprise : ต้องติดต่อฝ่ายขายเพื่อขอราคาพิเศษ โดยมีฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับองค์กรใหญ่ ๆ
MANAWORK - ตัวช่วยชั้นดี ที่หลายคนบอกต่อ

MANAWORK เป็นเครื่องมือวางแผนงานที่เน้นใช้สัญชาติไทย โดยคนไทย สามารถใช้งานภาษาไทยได้เลย เหมาะกับองค์กรที่เริ่มต้นใช้เครื่องมือในการ Transform องค์กร ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ที่เพียบพร้อมเพื่อการจัดการโปรเจกต์ มีฟีเจอร์สำคัญอย่าง เป้าหมาย ที่สามารถเชื่อมโยงถึงทาสก์งาน และโปรเจกต์ได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมองเห็นความคืบหน้าของงานได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญราคาประหยัดมาก บอกเลยว่าเป็นโปรแกรมวางแผนงานที่ราคาดีที่สุด
นอกจากนี้ MANAWORK ยังมีการจัดการงานออนไลน์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งานมาก และสามารถทำงานร่วมกับ Google Workspace ได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการใส่ลิงก์ หรืออัปโหลดไฟล์งานต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และยังมีจุดเด่นอีกมากมาย ดังนี้
จุดเด่นของ MANAWORK
1. บริหารงาน จัดการทีม ได้อย่างลงตัวทุกแผนกงาน : สร้างโปรเจคให้เป็นพื้นที่ทำงานของคุณ จัดระเบียบงานให้เหมาะสมกับการทำงานของแต่ละแผนกไว้ในโปรเจคเดียวกัน เพื่ออัปเดตการดำเนินงาน ติดตามงาน ส่งมอบงานได้ภายในแพลตฟอร์มเดียว
2. สร้างทาสก์งาน เพื่ออัปเดตและติดตามสถานะได้แบบ Real Time : สร้างทาสก์งานด้วยตัวเอง เพื่อให้ตรวจสอบและติดตามได้แบบ Real-Time มีสถานะแสดงการแก้ไขรายละเอียดของทาสก์ และทีมสามารถคอมเมนต์งานได้โดยไม่ต้องรอ โดยทาสก์งานสามารถกำหนดรายละเอียดได้อย่างครบครัน ทั้ง
- กำหนดวันที่เริ่มและวันที่สิ้นสุด
- วันเสร็จงาน - ระดับความสำคัญของงาน
- คะแนนความยากง่ายของงาน
- กำหนดการแจ้งเตือน - ผู้ติดตาม
- ผู้รับมอบหมาย
- แท็ก
- รายการที่ต้องทำ
- อัปโหลดไฟล์ได้สูงสุด 100MB/ไฟล์ แบบไม่จำกัดจำนวน
3. มอบหมายงานให้ผู้รับผิดชอบ ไม่สับสนแน่นอน : แท็กสมาชิกให้ที่มอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบงานและผู้ติดตามงาน ไม่ต้องสับสนว่าใครต้องทำงานอะไรบ้าง
4. เห็นภาพรวมของงานได้อย่างง่ายดายด้วย Dashboard : ภาพรวมของการทำงาน แสดงจำนวนทาสก์แต่ละสถานะ ได้แก่ เสร็จสิ้นแล้ว, เกินกำหนด, มีกำหนด, แผนที่วางไว้ และทาสก์ทั้งหมด มีกราฟสรุปที่ทำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถเลือกดูทาสก์ของตัวเอง และทาสก์ทั้งหมดได้อีกด้วย
5. เข้าถึงไฟล์งาน แชร์งานให้ทีมได้อย่างง่ายดายในแพลตฟอร์มเดียว
6. ติดตามและประเมินผล : สามารถติดตามและประมวลผลงานได้ ครอบคลุมการทำงานทุกด้าน ใส่ใจทุกมิติของการทำงาน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมความปังของ MANAWORK คลิก
ราคา
MANAWORK เปิดให้เริ่มต้นใช้งานฟรี และหากคุณมีความต้องการพิเศษเพิ่มเติม สามารถซื้อ Premium Version ได้ในราคาเพียงแค่ 250 บาทต่อเดือน เพื่อการทำงานที่ครอบคลุมมากขึ้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ MANAWORK
Asana - ครอบคลุมหลากหลาย เข้ากับไลฟ์สไตล์สายเทค

Asana เป็นโปรแกรมวางแผนงานที่ให้ผู้ใช้สามารถจัดการงานของทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดาย ด้วยความสามารถในการแบ่งงานเป็นหลาย ๆ ส่วนและจัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละงาน ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นงานที่ต้องทำและงานที่ยังไม่เสร็จอย่างชัดเจน
ด้วยความสะดวกในการใช้งาน และความสามารถที่หลากหลาย ทำให้ Asana เป็นโปรแกรมวางแผนงานที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหลายกลุ่มธุรกิจและทีมงานทั่วโลก
จุดเด่นของ Asana

- ระบบจัดการโปรเจกต์แบบครบวงจร : Asana มีระบบจัดการโปรเจกต์ที่ครอบคลุมทั้งแผนงาน การกำหนดเป้าหมาย การติดตามความคืบหน้า และการบริหารจัดการงานทั้งหมดในทีม
- การแบ่งงานและการกำหนดความรับผิดชอบ : Asana ช่วยให้คุณสามารถแบ่งงานให้กับสมาชิกในทีม และกำหนดความรับผิดชอบได้อย่างชัดเจน
- ใช้งานง่ายและมีการจัดเรียงที่ชัดเจน : Asana ถูกออกแบบหน้าต่างการใช้งานให้ใช้งานง่าย และมีการจัดเรียงที่ชัดเจน ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างงานและกำหนดเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดวันที่สิ้นสุดของงาน กำหนดลำดับความสำคัญ และการแจ้งเตือนการทำงาน ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย
- การติดตามผลงานแบบ Real-time : Asana สามารถติดตามงานได้แบบ Real-time ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของงานและสถานะการทำงานได้ทันที ทำให้ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่มีความสับสนในการทำงาน
- ความสามารถในการเชื่อมโยงและอัปเดตงาน : Asana สามารถเชื่อมโยงงานกับโปรแกรมอื่น ๆ ได้ เช่น Google Drive, Dropbox หรือ Slack ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตงานและแชร์ไฟล์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ทริกในการใช้ Asana ที่จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น

- ใช้ฟีเจอร์ Collaborative ของ Asana เพื่อให้ทีมของคุณสามารถทำงานร่วมกันได้และสามารถติดตามการดำเนินงานของทีมได้
- คุณควรกำหนดวันที่สิ้นสุดสำหรับแต่ละงานใน Asana เพื่อช่วยให้ทีมของคุณรู้ว่างานจะต้องเสร็จสิ้นในเวลาใด
- ใช้งานฟีเจอร์สร้าง Task ผ่าน Email ได้โดยส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลของโปรเจกต์ได้เลย
- ใช้ฟีเจอร์ Templates ใน Asana เพื่อลดเวลาในการสร้างงานใหม่ ๆ ซึ่งคุณสามารถใช้งาน Templates ที่มีอยู่แล้วหรือสร้าง Templates เองก็ได้
ราคา
Asana 3 แพ็กเกจหลักให้คุณได้ใช้งาน ดังนี้
- Basic - ฟรี : แพ็กเกจฟรีสำหรับทีมขนาดเล็กที่มีสมาชิกไม่เกิน 15 คน โดยจะมีคุณสมบัติหลัก ๆ ดังนี้
- โปรเจกต์ไม่จำกัด
- บอร์ดงานไม่จำกัด
- ฟอร์มแบบพื้นฐาน
- การจัดการงานแบบบัญชีรายชื่อและตาราง
- Premium - $10.99 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน
- กฎการแจ้งเตือนแบบกำหนดเวลา
- ฟอร์มกำหนดเอง
- การตั้งค่าผู้รับมอบหมายงาน
- ตารางคำสั่งงานแบบ Premium
- แดชบอร์ดโปรเจกต์แบบ Premium
- Business - ราคาไม่ระบุ (ต้องติดต่อขอใบเสนอราคา)
- การจัดการทีม
- ซอร์สโค้ด API และบอท
- ซื้อรายการติดต่อเพิ่มเติมได้
- ความปลอดภัยระดับสูง
Jira - เพื่อนคู่ใจ วัยรุ่น Tech-Com

Jira โปรแกรมวางแผนงานที่มีความหลากหลายและครบวงจร ได้รับความนิยมมากในการใช้งานโดยเฉพาะในงานด้านซอฟต์แวร์ มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในวงการ IT และเป็นเครื่องมือชั้นนำที่มีความสำคัญในการบริหารจัดการโครงการที่ใช้วิธี Agile หรือ Scrum
จุดเด่นของ Jira คือ มีฟังก์ชันการบริหารโปรเจกต์ที่ครอบคลุมและครบวงจร รวมถึงการจัดการ Sprint, Backlog, User Stories, และ Task ให้ง่ายต่อการติดตามและสื่อสารกับทีมงาน นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง Custom Fields, Custom Workflows, และ Custom Dashboards เพื่อตอบสนองความต้องการของทีมงานในการจัดการโปรเจกต์ เนื่องจากนี้ยังมีจุดเด่นอีกมากมาย ดังนี้
จุดเด่นของ Jira

- การรายงานและวิเคราะห์ : Jira ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายงานต่าง ๆ และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยในการตัดสินใจและการวางแผนการทำงานต่อไป
- สามารถเชื่อมต่อกับหลายเครื่องมือได้ : Jira มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับหลายเครื่องมืออื่น ๆ ที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น Github, Bitbucket, Confluence และ Slack เพื่อช่วยให้การทำงานและการสื่อสารระหว่างทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- มีฟังก์ชันการค้นหาข้อมูลอย่างละเอียด : Jira มีฟังก์ชันการค้นหาข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าข้อมูลจะมีปริมาณมากก็ตาม
- มีระบบการติดตามและรายงานความคืบหน้า : Jira มีระบบการติดตามและรายงานความคืบหน้าที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความคืบหน้าของโครงการได้ในแต่ละช่วงเวลา และรายงานผลการทำงานของทีมในรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
- มีการจัดการโครงการแบบ Agile ได้อย่างมีประสิทธิภาพ : Jira มีฟังก์ชันการจัดการโครงการแบบ Agile ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้ Scrum board และ Kanban board ที่ช่วยให้ทีมสามารถติดตามการทำงานและความคืบหน้าของโครงการได้อย่างรวดเร็ว
ทริกในการใช้ Jira ที่จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น

- ใช้งาน Jira Board ให้เหมาะสม เพื่อแสดงข้อมูลต่าง ๆ เช่น สถานะงาน ความคืบหน้าของโปรเจกต์ และข้อมูลอื่น ๆ ช่วยให้ทีมของคุณสามารถติดตามงานได้ง่ายขึ้น
- ใช้ฟีเจอร์ Filters ของ Jira เพื่อค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เช่น งานที่ต้องทำ งานที่ต้องรีวิว และอื่น ๆ และเพื่อช่วยให้การค้นหาข้อมูลง่ายขึ้น
- ใช้งานฟีเจอร์ JQL (Jira Query Language) เพื่อค้นหาและกรองข้อมูลต่าง ๆ เช่น งานที่ต้องทำในรอบสัปดาห์นี้ งานที่เสร็จสิ้นในเดือนที่ผ่านมา และอื่น ๆ ที่ต้องการ
- ใช้ฟีเจอร์ Dashboard ของ Jira เพื่อแสดงข้อมูลสรุปการทำงานของทีมในแบบกราฟิก เช่น สถานะงาน ความคืบหน้าของโปรเจกต์ และข้อมูลอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ทีมของคุณติดตามงานได้ง่ายขึ้น
ราคา
Jira มีราคาแบ่งเป็นหลายแพ็กเกจ ตามความต้องการของผู้ใช้งาน รายละเอียดแพ็กเกจและราคาดังนี้
- Free : เป็นแพ็กเกจฟรีที่สามารถใช้งานได้ไม่จำกัดเวลา สำหรับทีมที่มีสมาชิกไม่เกิน 10 คน
- Standard : ราคาเริ่มต้นที่ $7 ต่อผู้ใช้งานต่อเดือน สำหรับทีมที่มีขนาดไม่เกิน 100 คน
- Premium : ราคาเริ่มต้นที่ $14 ต่อผู้ใช้งานต่อเดือน สำหรับทีมที่มีขนาดไม่เกิน 100 คน มีฟังก์ชันทั้งหมดของแพ็กเกจ Standard และเพิ่มฟังก์ชันอีกหลายอย่าง เช่น การติดตามผลการดำเนินงานของทีม การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น Salesforce และการตั้งค่า security ของทีม
- Enterprise : ราคาเริ่มต้นที่ $20 ต่อผู้ใช้งานต่อเดือน สำหรับทีมที่มีขนาดใหญ่
เลือกโปรแกรมวางแผนงานอย่างไร ให้เหมาะกับคุณ

การเลือกโปรแกรมวางแผนงานที่เหมาะสมกับองค์กรนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ซึ่งสามารถทำได้โดยการตอบคำถามต่อไปนี้ให้ได้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเครื่องมือใดกันแน่ ที่จะตอบโจทย์ขององค์กรคุณได้ดีที่สุด
- ต้องการใช้งานโปรแกรมวางแผนงาน ไปเพื่อเป็นการจัดการโครงการใหญ่หรือโครงการเล็ก?
- องค์กรมีบุคลากรที่เป็นหน่วยงานหรือทำงานแบบ cross-functional หรือไม่?
- องค์กรต้องการใช้งานโปรแกรมวางแผนงานไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหรือเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายและเวลาในโครงการ?
- องค์กรต้องการเครื่องมือโปรแกรมวางแผนงาน ที่สามารถใช้งานได้ง่ายและไม่ซับซ้อนหรือต้องการฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติม?
- องค์กรต้องการเครื่องมือโปรแกรมวางแผนงาน ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น การติดตามความคืบหน้าของงานในการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือการบริหารจัดการฝ่ายการตลาดหรือไม่?
โดยสรุปแล้ว การเลือกเครื่องมือโปรแกรมวางแผนงานให้เหมาะสมกับองค์กรนั้นควรพิจารณาจากความต้องการและวัตถุประสงค์ของการใช้งาน รวมถึงการพิจารณาเกี่ยวกับขนาดของโครงการและบุคลากรที่มีในองค์กรด้วย
สรุป
เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โปรแกรมวางแผนงานสามารถเข้ามาช่วยทีมของคุณและองค์กรได้เป็นอย่างมาก เพียงแต่ต้องตอบให้ได้ว่าองค์กรของคุณมีความต้องการแบบไหน แล้วฟังก์ชันใดของโปรแกรมวางแผนงานที่ตอบโจทย์ทีมของคุณมากที่สุด ยิ่งระบุความต้องการได้ชัดเท่าใด ก็ยิ่งจะช่วยให้คุณสามารถเลือกโปรแกรมวางแผนงานที่ตอบโจทย์ทีมของคุณและองค์กรได้ดีที่สุด
MANAWORK.COM ระบบที่จะช่วยให้การทำงานของคุณกับทีมกลายเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
Facebook: Manawork
E-mail: support@manawork.com
โทร. (+66) 52 005 402 หรือ (+66) 63 535 1193
