Work from home

"Work from home" การทำงานที่บ้านที่กลายเป็นรากฐานของปัจจุบัน

"Work from home" การทำงานที่บ้านที่กลายเป็นรากฐานของปัจจุบัน

หลังมีการประกาศให้ Covid-19 เป็นโรคประจำถิ่น เราเริ่มกลับมาใช้ชีวิตในแบบที่เคยเป็นอีกครั้ง Covid-19 เปลี่ยนแปลงความเคยชินที่เราเคยมีต่อชีวิตประจำวันไปมาก รวมถึงการทำงานด้วยเช่นกัน ในช่วง Covid-19 เราเคยชินกับการ Work from home และเริ่มเห็นว่าจริงๆ แล้วการทำงานในออฟฟิศอาจไม่จำเป็นอีกต่อไป หลายคนได้ใช้เวลาว่างที่เพิ่มขึ้นมาจากการที่ไม่ต้องเดินทาง ไปทำในสิ่งที่ตัวเองรักมากขึ้น

แต่เมื่อเรากลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง ปัญหาใหญ่ที่หลายคนพูดถึงกันคือ เราจะยังคง Work from home ต่อไป หรือจะกลับไป Work from office เหมือนเดิมดี เพราะจากความเคยชินกับการทำงานแบบ Work from home ในช่วง Covid-19 ทำให้เราต่างรู้สึกว่าทำไมต้องเลือกว่าจะ Work from home หรือ Work from office ในเมื่อการ “Work from home” หรือ การทำงานที่บ้านกลายเป็นรากฐานของปัจจุบันไปแล้ว

ฟังเสียงคนทำงาน หลังจบ Covid : อยาก Work from office หรือ Work from home?

ในช่วงแรกของ Covid-19 รายงานการสำรวจจาก Owl Labs พบว่า 70% ของคนที่ Work From home ชื่นชอบการทำงานแบบ Work from home พวกเขาบอกว่าการทำงานที่บ้านทำให้พวกเขาทำงานได้มากขึ้น (Productivity) กว่าเดิมถึง 47% และในการ Work from home แต่ละวันพวกเขาเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิด Productivity เพียง 10 นาทีต่อวันเท่านั้น

แต่ระยะเวลาผ่านไป เส้นแบ่งระหว่างพื้นที่ส่วนตัวกับงานเริ่มจางลง บ้านเริ่มไม่ใช่พื้นที่ของการพักผ่อน หลีกหนีจากความเหนื่อยล้าของงาน และการทำงานที่บ้านคนเดียว หรืออยู่กับครอบครัวนานๆ เริ่มสร้างความลำบากใจ และความเครียดสะสมจากการขาดปฏิสัมพันธ์กับคนภายนอก สภาวะเหล่านี้ก่อให้เกิดอาการหมดไฟของคนทำงาน

เพียงไม่นานจากนั้น ผลการสำรวจของ Monster ระบุว่า 80% ของคนที่ Work from home คิดถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในออฟฟิศ และ 68% คิดถึงการทำกิจกรรมร่วมกับคนในออฟฟิศด้วย เพราะพวกเขารู้สึกว่าการทำงานตัวคนเดียวที่บ้านนั้นเริ่มหนักเกินไป

อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจนี้ก็ไม่ได้แปลว่าหลังจบช่วงการระบาดของ Covid-19 ผู้คนจะอยากกลับไปทำงานเต็มเวลาที่ออฟฟิศตลอดช่วงการทำงาน และไม่ได้แปลว่าความเคยชินของการ Work from home นั้นจะหายไป

ในโลกหลัง Covid การ Work from home ยัง work อยู่ไหม?

ในมุมของคนทำงาน หลังช่วง Covid พวกเขายังคงต้องการการปลีกตัวมาทำงานที่บ้านในบางเวลา และยังคงต้องการปฏิสัมพันธ์กับคนในออฟฟิศอยู่ ดังนั้นสำหรับพวกเขาแล้ว การ Work from home ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอยู่

ในมุมขององค์กร ดูเหมือนว่า การปล่อยพนักงาน Work from home จะไม่ใช่สิ่งที่องค์กรชื่นชอบสักเท่าไหร่ แม้ว่าในช่วง Covid นั้น การไม่ต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ออฟฟิศ เพราะพนักงาน Work from home นั้นจะเป็นประโยชน์ในการควบคุมงบประมาณขององค์กรก็ตาม แต่สำหรับองค์กรแล้ว ออฟฟิศคืออำนาจ เพราะเมื่อพนักงานอยู่ในออฟฟิศ ก็ง่ายกว่าในการดูแล ควบคุมงาน กำกับ Productivity และ Timeline ของงาน

นอกจากนั้นการศึกษาของ Society for Human Resource Management พบว่าการทำงานที่บ้านหรือ Work from home นั้นใช้เวลาในการควบคุมงานเยอะกว่าการทำงานในออฟฟิศ โดย 67% ของพนักงานระดับหัวหน้า บอกว่าพวกเขาต้องใช้เวลากำกับดูแลงานของพนักงานที่ Work from home มากกว่าพนักงานที่มาทำงานในออฟฟิศ

จะเห็นว่าสำหรับองค์กรนั้น ใจจริงก็อยากให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศเหมือนเดิม ส่วนในมุมของคนทำงาน พวกเขาอยากมีสัดส่วนเวลาในการปฏิสัมพันธ์กับคนในออฟฟิศ แต่การมีเวลา Work from home ก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาอยากจะมี แล้วอะไรคือประโยชน์ของการปล่อยให้พนักงาน Work from home ต่อไปแม้โลกจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

ประโยชน์ของการ work from home

  1. ลดความตึงเครียดจากการทำงานและการประชุม 70% ของคนที่ Work From home บอกว่า ที่ชอบทำงานที่บ้าน เพราะการประชุมงานทางออนไลน์สร้างความเครียดน้อยกว่าการประชุมงานที่ออฟฟิศ
  2. อัตราการ Turnover ลดลง ผลสำรวจของ Morar Consulting’s บอกว่า 38% ของพนักงานที่ได้ Work from home อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวันจะมีความพึงพอใจในการทำงานสูงขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการลดลงของอัตรา Turnover อย่างมีนัยสำคัญลดเวลาเดินทาง เพิ่มเวลาทำงาน เพิ่ม Productivity เมื่อพนักงานทำงานที่บ้าน นั่นแปลว่าพวกเขาจ่ายเงินค่าเดินทางน้อยลง และมีเวลาเพิ่มขึ้นในการทำงาน ดังนั้นองค์กรจะสามารถใช้โอกาสนี้ในการเพิ่ม Productivity ได้ แต่ในขณะเดียวกัน ต้องทำคู่กับการดูแล Workload ของพนักงานให้ดี เพราะการเพิ่ม Productivity ก็สุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดภาวะหมดไฟได้ หากไม่ดูแลพวกเขาให้ดี

อยากรู้ว่าการให้พนักงาน Work from home จะเพิ่ม Productivity ได้ยังไง แล้วจะมีเครื่องมือในการทำให้การ Work from home มีประสิทธิภาพสูงสุดได้ยังไง อ่านต่อ คลิก

เมื่อการ Work from home กลายเป็นรากฐานของปัจจุบัน สิ่งที่องค์กรควรระวังคืออะไร

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการ Work from home ยังคงมีประโยชน์และจำเป็นต่อพนักงาน เพราะการ Work from home กลายเป็นรากฐานของปัจจุบันไปแล้ว สิ่งที่องค์กรควรระวังในการ Work from home คือ

  1. Workload หากเข้าใจว่าพนักงานมีเวลามากขึ้น ก็ให้งานเยอะขึ้นตามไปด้วย สุ่มเสี่ยงจะทำให้พนักงาน Burnout และเพิ่มอัตรา Turnover ขององค์กรได้
  2. การสื่อสารภายในทีมและระหว่างทีม การไม่เจอหน้ากัน มีโอกาสเกิดการคลาดเคลื่อนในการสื่อสารมาก อาจทำให้เวลาในการบรีฟงานเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ส่งผลดีต่องาน ดังนั้นนี่คือหน้าที่ของหัวหน้างานในการหาช่องทางและรูปแบบในการสื่อสารให้ง่ายต่อการเข้าใจและเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย
  3. อคติของคนทำงาน ที่มักมองว่าตัวเองได้งานเยอะกว่าคนอื่น และคนอื่นทำงานไม่เยอะเท่าตัวเอง การแจกแจงงานและอธิบายภาพใหญ่ให้ทีมเข้าใจตรงกันจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง องค์กรไม่ควรมองข้ามจุดนี้

ดังนั้นสำหรับองค์กร Hybrid work คือคำตอบ หมายความว่าองค์กรควรเปิดโอกาสให้พนักงานได้ Work from home 2-3 วันในหนึ่งสัปดาห์ และกำหนดวันเข้าออฟฟิศ เพื่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ในองค์กร ก็จะช่วยลดปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นได้

เพราะการได้เจอกันบ้าง จะลดปัญหาเรื่องการสื่อสารและความเข้าใจที่ไม่ตรงกันของทีมออกไป ทีมจะเห็นภาพใหญ่ร่วมกัน หัวหน้ากระจายงานได้ง่ายขึ้น และเปิดโอกาสให้พนักงานได้สื่อสารถึงภาระของตัวเองในกรณีที่งานล้นมือเกินไปด้วย

ทำยังไงให้การ Work from home ดีกับทั้งคนทำงานและองค์กร

  1. กำหนดโซนเวลาทำงานที่แน่นอน เพื่อให้งานกับชีวิตส่วนตัวของคนทำงานแยกออกจากกันได้ วันต่อไปพนักงานจะได้มีแรงมาทำงาน ไม่รู้สึกว่างาน Toxic กับชีวิตเกินไป
  2. เน้นผลลัพธ์ไม่ใช่ขั้นตอน วางเป้าหมายให้ทีมเข้าใจตรงกัน และให้อำนาจตัดสินใจกับคนในทีมมากขึ้น โดยให้ทีมโฟกัสที่เป้าหมายเดียวกัน และสร้างวัฒนธรรมแบบ Proactive work ให้ทีมทำไปก่อน ไม่ต้องรอหัวหน้ามาตัดสินใจคนเดียว ถ้าสิ่งนั้นกำลังนำไปสู่เป้าหมายของทีม
  3. แผนการทำงานชัดเจน แผนงานที่ชัดเจนส่งเสริมให้คนทำงาน ทำงานได้ถูกต้องและไม่เสี่ยงที่จะทำในสิ่งที่องค์กรไม่ต้องการ
  4. workflow ที่ดี เพราะถ้าไม่มี workflow จะยิ่งทำให้ต้องสื่อสารกันมากขึ้น และเสี่ยงที่งานจะหลุดมากขึ้นตามไปด้วย การมี workflow ที่ดีจะสามารถอุดรอยรั่วเรื่องการสื่อสารในทีมได้
  5. เครื่องมือสื่อสารในองค์กร การสื่อสารสำคัญที่สุด แต่เครื่องมือสื่อสารก็สำคัญ องค์กรควรเลือกเครื่องมือสื่อสารที่มีฟังก์ชันครบ และตอบโจทย์รูปแบบการทำงานขององค์กร

เทคนิคการ Work from home ให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพ

สำหรับคนทำงาน เทคนิคเหล่านี้นำไปใช้ได้เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพ และไม่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการ Burnout ด้วย

  1. To do list ลิสต์ให้ดีว่าวันนี้ต้องทำอะไร อย่าลืมกำหนด Deadline ให้ชัด งานจะได้ไม่หลุด
  2. ตกลงกับทีมให้ดี ว่าเวลาไหนเวลางาน เวลาไหนเวลาส่วนตัว งานด่วนนอกเวลาควรสื่อสารกันอย่างไร
  3. ใช้เครื่องมือ Project management เช่น Trello, Asana, Click up เครื่องมือเหล่านี้มีประโยชน์ในการ Check และ Recheck งานอย่างมาก
  4. อย่าลืมประชุมออนไลน์กับทีมทุกครั้งที่ Work from home เพื่อให้เกิดการสื่อสาร ไม่พลาดทุกการอัปเดต
  5. จัดโซนทำงานในวันที่ Work from home ให้ดี เพราะสภาพแวดล้อมมีผลต่ออารมณ์คนทำงาน

สรุป

Covid-19 เข้ามาเปลี่ยน Landscape โลกของการทำงานไปอย่างไม่มีวันเหมือนเดิม การ Work from home กลายเป็นสิ่งจำเป็น และสำหรับบางคน เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกงานด้วย

สำหรับองค์กร เมื่อต้องหาตรงกลางระหว่างการจะให้พนักงาน Work from office หรือ Work from home ณ ปัจจุบันนี้ Hybrid work คือทางออก การมีวันที่ต้องเจอกันในออฟฟิศ และบางวันที่ปล่อยให้ทำงานที่บ้านได้บ้าง คือคำตอบ ซึ่งเป็นประโยชน์กับคนทำงาน และองค์กรด้วย เหลือเพียงระบบการจัดการเท่านั้น ที่องค์กรต้องคอยดูแล และอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการบริหารจัดการ

MANAWORK แพลตฟอร์มสำหรับบริษัทยุคใหม่ที่พร้อมสำหรับการก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นระบบ และช่วยสร้างให้องค์กรของคุณมีการจัดการที่ดี เป็นที่น่าประทับใจแก่บุคลากรภายในทีม ไม่ว่าคุณจะทำงานแบบ Agile หรือมีการทำงานรูปแบบอื่นก็ตาม

หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางทีมงาน สามารถติดต่อได้ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

Work from home
MANAWORK Editor MANAWORK Editor · 31 มี.ค. 2566 เวลา 9:28 น.

SUGGEST POSTS