Generetion

Gen Z ทำงานแบบไร้ Soft Skill จริงหรือ

Gen Z ทำงานแบบไร้ Soft Skill จริงหรือ

ความเก่งในงานอาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน แต่การมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างดีก็สำคัญมากเช่นกัน นอกจากความเก่งในทักษะและความรู้ทางด้านงาน การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นสร้างองค์กรที่สร้างสรรค์ ทักษะที่เรียกว่า “Soft Skill” ซึ่งส่งผลให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสนุกสนานมากขึ้น แต่ข้อมูลจาก The Wall Street Journal ได้รายงานว่าคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง Gen Z อาจพบขาดทักษะในด้าน Soft Skill เนื่องจากการฝึกงานและการเรียนรู้ออนไลน์ระยะไกลที่เกิดขึ้นเป็นเวลานาน นั่นคือเรื่องจริงหรือไม่เราไปดูกันเลย

Soft Skills คืออะไร?

Soft Skill คือ ความสามารถหรือทักษะที่เกี่ยวข้อกับการดำเนินชีวิตและการทำงาน ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความรู้หรือทักษะทางเทคนิคเฉพาะทาง ซึ่งมักเกี่ยวกับความสามารถทางสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การแก้ไขปัญหา การนำเสนอผลงาน หรือการเป็นผู้นำ ซึ่ง Soft Skill เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาตนเองและสร้างความสำเร็จในการทำงาน โดย Soft Skill มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าทักษะทางเทคนิคหรือ Hard  Skill ในการทำงาน

ทำไม Gen Z ถึงขาด Soft Skill มากกว่า Gen อื่น?

หลายคนคงทราบกันดีว่าเราได้ผ่านช่วงสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่ได้รับผลกระทบกันอย่างถ้วนหน้าไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การทำงาน โดยเฉพาะการเรียนทำให้ต้องหยุดเรียนเพื่อลดอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Gen Z ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยเรียนซึ่งควรเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับเพื่อน ได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ตามวัย แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดหมด เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย Gen Z ก็ต้องพบกับการเริ่มต้นชีวิตการทำงานเลย ทำให้บางคนขาดทักษะ Soft Skill ที่ควรจะมีไปอย่างน่าเสียดาย

10 Soft Skills ที่จำเป็นต่อการทำงานยุคใหม่

1. Communication Skill (ทักษะการสื่อสาร)

การสื่อสารเป็นทักษะสำคัญที่ช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่พูดออกไป แต่เป็นการพูดสื่อสารกันอย่างเข้าใจ  นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้อีกด้วย

เทคนิคพัฒนาทักษะการสื่อสาร:

 ให้ความสำคัญกับการฟัง เป็นผู้พูดที่ดีคุณก็ต้องเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย เมื่อคุณกำลังพูดอยู่ก็คงไม่ชอบที่คนฟังไม่สนใจในสิ่งที่คุณพูด คุณก็เช่นกัน ควรให้ความสำคัญกับการฟัง และทำความเข้าใจในเนื้อหาที่ฟังอย่างตั้งใจ แสดงให้เห็นว่าคุณใส่ใจและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น

 ใช้ภาษาที่ชัดเจน พูดให้ชัดเจนและกระชับ ให้ผู้อื่นเข้าใจง่ายไม่สับสน หากคุณกำลังสื่อสารผ่านทางข้อความ เช่น เขียนอีเมล ส่งข้อความ ต้องอ่านและตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำในประโยคของคุณมีความหมายที่ชัดเจนและใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง สื่อสารออกไปครบถ้วน

 ใช้ภาษากายและสัญญาณอื่น ๆ การใช้ภาษากายอย่างชัดเจนสามารถช่วยเสริมความหมายและความเข้าใจในการสื่อสาร ให้ใช้การสื่อสารที่เข้ากับบุคคลที่คุณกำลังพูดคุยหรือฟัง เช่น สายตา ท่าทางของร่างกาย และการยิ้ม

ทักษะการสื่อสารสามารถฝึกได้ทุกที่ไม่จำเป็นว่าฝึกได้แค่ที่ทำงาน การฝึกพูดสื่อสารคุยกับพ่อค้า แม่ค้า เพื่อน หรือคนในครอบครัวก็ช่วยให้คุณเคยชินกับการฝึกมากยิ่งขึ้นไปด้วย

2. Complex Problem Solving (ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน)

ทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเป็นทักษะที่สำคัญในการปรับตัวและใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่ท้าทายนี้เปลี่ยนให้เป็นความได้เปรียบทางธุรกิจ เพราะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนจะผลักดันให้คุณใช้ความคิดวิเคราะห์และการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อหาวิธีในการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา:

 เข้าใจปัญหา การเข้าใจปัญหาอย่างละเอียดและลึกซึ้งเป็นขั้นตอนสำคัญในการแก้ปัญหาที่มีความยากและซับซ้อน คุณควรทำความเข้าใจในปัญหาและหาสาเหตุหลักที่ต้องการแก้ไข

 สร้างแผนและวางกลยุทธ์ สร้างแผนการแก้ปัญหาที่เหมาะสมโดยใช้ข้อมูลที่คุณรวบรวมและวางกลยุทธ์การแก้ไขปัญหา วางแผนการลงมือทำให้รอบคอบและลำดับความสำคัญด้วย จะช่วยให้คุณดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ

 ทดลองและปรับปรุง การทดลองและปรับปรุงแผนการแก้ปัญหาของคุณเป็นขั้นตอนสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาวิธีการแก้ไขปัญหาให้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ โดยการเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทายและการทำงานกับปัญหาในชีวิตประจำวัน ยิ่งฝึกฝนและพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนจะทำให้คุณภาพชีวิตและการทำงานของคุณเป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น

3. Creative thinking (ความคิดสร้างสรรค์)

ความคิดสร้างสรรค์เป็นทักษะที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาความคิดใหม่ ๆ โดยใช้ความคิดที่ไม่เหมือนใครเพื่อสร้างสิ่งใหม่หรือแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ดังนั้น การพัฒนาและประยุกต์ใช้ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเป็นผู้ที่สามารถแก้ไขปัญหาและนำไอเดียใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการทำงานหรือชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม

เทคนิคพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์:

 เปลี่ยนมุมมอง ในเมื่ออะไรเดิม ๆ ที่คุณรู้ผลลัพธ์ของมันอยู่แล้ว ลองเปลี่ยนความคิดหรือมองปัญหาจากมุมมองที่ต่าง หนีจากความธรรมดาไปสู่ความแปลกใหม่ในที่สุด

 ยอมรับความคิดที่แตกต่าง ไม่เกรงกลัวที่จะคิดและแสดงความคิดที่แตกต่างกับคนอื่น การให้ความเห็นและความเป็นอยู่ที่แตกต่างสร้างโอกาสในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์

ออกจากพื้นที่เดิม สิ่งใหม่มักมาพร้อมไอเดียใหม่เสมอ การออกไปสำรวจสิ่งรอบข้าง ค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำงานนอกสถานที่ การออกไปเที่ยว รวมไปถึงการออกไปทำกิจกรรมใหม่ ๆ จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ลงตัว

การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการที่สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ โดยการทำซ้ำและการแสดงความคิดใหม่ ๆ ความสำเร็จในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ขึ้นอยู่กับการเปิดรับและการพัฒนาความสามารถในด้านนี้ของแต่ละบุคคล

4. Teamwork and Collaboration (ทักษะการทำงานเป็นทีม)

ทักษะการทำงานเป็นทีมและการร่วมมือกันเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ การทำงานเป็นทีมจะสามารถแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบให้มีความชัดเจน มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและไอเดียร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เทคนิคการพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม:

 หน้าที่รับผิดชอบ มีการกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบที่ชัดเจนในทีม แต่งตั้งบทบาทและภารกิจให้กับสมาชิกในทีมเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าต้องทำอะไรและได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันมารวมเป็นผลงานที่มีประสิทธิภาพ

 รับฟังและยอมรับ การรับฟังและยอมรับความแตกต่างในทีม คนแต่ละคนมีความสามารถและวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน การร่วมกันแสดงความคิดเห็น ระดมความรู้ช่วยกะันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในงาน จะยิ่งช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาที่เกิดขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว

 ใช้เทคโนโลยี การทำงานยุคใหม่ที่อาจต้องทำงานกันคนละที่ แต่การทำงานยังคงต้องมีการประสานงานกันอยู่เสมอ จึงต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้ทุกคนในทีมใกล้ชิดกันมากขึ้น อย่าง MANAWORK ที่จะช่วยให้ทำงานร่วมกันได้แม้อยู่ต่างสถานที่

5. Time management (การบริหารเวลา)

การบริหารเวลาเป็นทักษะที่สำคัญในการจัดการกับเวลาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ที่สุด โดยการวางแผนการใช้เวลาให้เหมาะสม และการจัดการที่ดีต้องลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะทำ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคพัฒนาทักษะการบริหารเวลา:

 วางแผนเวลา สร้างแผนการทำงานโดยพิจารณาจากเวลาที่ต้องใช้ในแต่ละกิจกรรม จัดเวลาเพื่อทำงาน พักผ่อน และกิจกรรมอื่น ๆ ให้เหมาะสม โดยใช้เครื่องมือช่วยเช่นปฏิทินหรือเครื่องมือการบริหารเวลา

 กำจัดสิ่งไร้ประโยชน์ สิ่งไหนไม่มีประโยชน์มีแต่จะเป็นตัวถ่วงความสำเร็จของคุณ การกำจัดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์หรือสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เช่น การปฏิเสธงานแทรกที่ไม่เร่งด่วน การเลื่อนกิจกรรมที่ไม่สำคัญ เพื่อให้มีเวลาสำหรับสิ่งที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์มากขึ้น

 สร้างเวลาสำหรับตัวเอง ให้เวลาไปกับการทำงานแล้ว ก็อย่าลืมให้เวลากับตัวเองบ้าง สำหรับการพักผ่อน การฟื้นฟูจากกิจกรรมที่ทำ และสิ่งที่ชอบทำ เพื่อให้คุณมีพลังงานและความกระตือรือร้นในการทำงานต่อไป

การพัฒนาทักษะการบริหารเวลาเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความพยายามและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อคุณสามารถจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีต่อตัวคุณ ให้คุณใช้ชีวิตอย่าง Work Life Balance

6. Flexibility and Adaptability (ความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ่น)

ในสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในการทำงาน ความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ่นเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสภาวะดังกล่าวมีความซับซ้อนและอาจมีความก้าวหน้าที่ต้องการการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

เทคนิคพัฒนาทักษะการปรับตัวและความยืดหยุ่น:

 พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คุณต้องพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ เพื่อให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยไม่กลัวหรือกังวลถึงแม้ต้องปะทะกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เมื่อทุกสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงคุณก็ต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ เพื่อให้สามารถปรับตัวตามสถานการณ์และที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความยืดหยุ่นในการทำงาน มีความยืดหยุ่นในการทำงานและการตัดสินใจ รับภาระงานที่เปลี่ยนแปลงและสามารถปรับแผนการทำงานได้ตามสถานการณ์ ยอมรับและปรับตัวต่อข้อบกพร่องในข้อผิดพลาดได้เป็นอย่างดี

โลกของการทำงานไม่มีวันหยุดหมุน ฉะนั้นคุณเองก็ควรต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้า และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เพื่อให้คุณอยู่รอดในทุกสถานการณ์

7. Leadership (ภาวะผู้นำ)

ภาวะผู้นำเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการพัฒนา Soft Skill เนื่องจากผู้นำมีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจและเสริมสร้างทักษะทางบุคลิกภาพสำหรับทีม สร้างแรงจูงใจในการทำงานและสร้างเป้าหมายไปสู่ความสำเร็จของทีม

เทคนิคพัฒนาทักษะภาวะผู้นำ:

 วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่น ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและความมุ่งมั่นในการประสบความสำเร็จ มีความเชื่อและค่านิยมที่สอดคล้องกับเป้าหมายของทีมหรือองค์กร

 เป็นแบบอย่าง ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างที่ดีและมีคุณธรรม ต้องสร้างความน่าเชื่อถือและความซื่อสัตย์ให้กับทีม และแสดงพฤติกรรมที่คาดหวังให้กับผู้อื่น

 สร้างและบริหารทีม ผู้นำต้องมีความสามารถในการสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพ และมีการบริหารจัดการทีมอย่างเหมาะสม รวมถึงการสนับสนุนและพัฒนาสมาชิกในทีม

 วิเคราะห์และการตัดสินใจ ผู้นำต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์และข้อมูล รวมถึงการตัดสินใจที่ถูกต้องและมีเหตุผล และสามารถจัดการกับความเสี่ยงและปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อคุณพัฒนาภาวะผู้นำได้เป็นอย่างดี คุณจะมีส่วนสำคัญในการชี้นำและสร้างผลกระทบบวกต่อทีมและองค์กรที่คุณได้รับผิดชอบ

8. Positive Attitude (ทัศนคติเชิงบวก)

ทัศนคติเชิงบวกเป็นสิ่งที่สำคัญในการพัฒนา Soft Skills และในชีวิตทั่วไป เมื่อคุณมีทัศนคติเชิงบวก คุณจะมีกรอบความคิดและทัศนคติที่ดีต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

เทคนิคพัฒนาทักษะทัศนคติเชิงบวก:

 มองข้อบกพร่องเป็นโอกาส มองหาโอกาสในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หาพบข้อบกพร่องหรืออุปสรรค ใช้เป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง

 มองหาและเพิ่มคุณค่า หากพบกับอุปสรรคหรือสถานการณ์ที่ท้าทาย พยายามมองหาวิธีการเพิ่มคุณค่าและสร้างผลลัพธ์ที่ดีในสถานการณ์นั้นให้ได้

 รักษาความสัมพันธ์ที่ดี สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและบรรลุเป้าหมายร่วมกัน รับฟังและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ยิ่งส่งเสริมให้การทำงานเป็นทีมประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น

เมื่อคุณสามารถพัฒนาทัศนคติเชิงบวกได้ คุณจะมีกรอบความคิดที่ส่งเสริมความสำเร็จและความพึงพอใจในชีวิตและการทำงานของคุณ

9. Emotional Intelligence (ความฉลาดทางอารมณ์)

ความฉลาดทางอารมณ์เป็นทักษะที่สำคัญในการพัฒนา Soft Skills และการประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน

เทคนิคพัฒนาทักษะความฉลาดทางอารมณ์:

 รับรู้และเข้าใจอารมณ์ มีความสามารถในการรับรู้และเข้าใจอารมณ์ของตนเองและคนอื่น รวมถึงการเข้าใจว่าอารมณ์มีผลต่อพฤติกรรมและการติดต่อของบุคคล

 ควบคุมและจัดการกับอารมณ์ ควบคุมและจัดการกับอารมณ์ของตนเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การหาวิธีการจัดการอารมณ์ การควบคุมความโกรธ เพื่อสร้างสภาวะทางอารมณ์ที่เป็นประโยชน์ ให้สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้

 มองเห็นและเข้าใจมุมมองของคนอื่น สามารถมองเห็นและเข้าใจมุมมอง ความคิด และความรู้สึกของคนอื่นได้ โดยใช้ความเข้าใจอารมณ์และสื่อสาร

เมื่อคุณสามารถพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ได้อย่างดี คุณจะมีความสามารถในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากอารมณ์ในทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

10. Critical Thinking (การคิดเชิงวิพากษ์)

การคิดเชิงวิพากษ์เป็นทักษะที่สำคัญในการวิเคราะห์และประเมินข้อมูลเพื่อเข้าใจและตีความสิ่งต่างๆ อย่างมีเหตุผล การคิดเชิงวิพากษ์ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจอย่างมีความสมเหตุสมผลและพิจารณาหลักฐานที่มีมาให้เป็นพื้นฐาน

เทคนิคพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์:

 ตัดสินใจที่มีเหตุผล สามารถใช้เหตุผลและข้อมูลที่มีอยู่ในการตัดสินใจ และสามารถพิจารณาความเป็นไปได้ทั้งด้านบวกและด้านลบของผลต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

 การแก้ไขปัญหา สามารถใช้การคิดเชิงวิพากษ์ในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ตัวเลือกที่เป็นไปได้ และสร้างแผนการแก้ไขที่มีความเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 คิดอย่างเป็นระบบ การคิดอย่างเป็นระบบเป็นการรวมความคิดที่ต่างกันมาเป็นรวมกันเพื่อเข้าใจและประเมินสถานการณ์ในมุมมองที่แบ่งเป็นส่วนย่อย การคิดอย่างเป็นระบบช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมและความสัมพันธ์ระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ของปัญหาหรือสถานการณ์

เมื่อคุณสามารถพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ได้เป็นอย่างดี คุณจะมีความสามารถในการวิเคราะห์และตัดสินใจอย่างมีเหตุผล และสามารถแก้ไขปัญหาและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีพัฒนา Soft Skills เพื่อความสำเร็จไปอีกขั้น

1. มองหาจุดอ่อน เพื่อพัฒนาให้ถูกจุด

การมองจุดอ่อน เป็นการมองหาข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้รู้ว่าควรพัฒนาเรื่องไหนมากที่สุด Soft Skill เป็นกระบวนการที่สำคัญในการเติบโตและพัฒนาตนเอง ดังนั้นนี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้เพื่อค้นหาจุดอ่อนและพัฒนา Soft Skills ของคุณให้แข็งแกร่งขึ้น

 วิเคราะห์ตัวเอง เพื่อให้รับรู้ถึงจุดเด่นและจุดด้อยของ Soft Skills ในตัวคุณ ให้คุณได้มองเห็นว่ามีความชำนาญในด้านใด และความอ่อนแออยู่ที่ไหน ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีความชำนาญในการสื่อสารแต่อาจขาดความมั่นใจในการนำเสนอ คุณก็ต้องฝึกฝนหรืออาจขอความคิดเห็นจากคนรอบข้างเพื่อนำมาปรับปรุงให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น

 ปฏิบัติฝึกทักษะ หลังจากวิเคราะห์จุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเองแล้ว จากนั้นให้ทำการหาข้อมูลและปฏิบัติฝึกทักษะโดยตรง เริ่มจากการนำความรู้ที่ได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง ๆ เพื่อเสริมสร้างความชำนาญและเพิ่มความมั่นใจในการใช้ทักษะเหล่านั้น

 ติดตามและปรับปรุง ติดตามและประเมินผลจากการฝึกทักษะของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณก้าวหน้าและพัฒนา Soft Skill ได้อย่างเหมาะสม หากพบว่ายังมีจุดอ่อนที่ต้องการปรับปรุงเพิ่มเติม ก็ทำการฝึกฝนและปรับปรุงต่อไป

2. ขยันศึกษา หาความรู้ใส่ตัวให้มาก

การขยันศึกษาและหาความรู้เพิ่มเติมจะช่วยเสริมสร้างและพัฒนา Soft Skills ของคุณได้มาก เพราะความรู้เป็นฐานที่สำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น

 อ่านหนังสือและบทความ จะช่วยเสริมสร้างความรู้ของคุณได้ อ่านทั้งหนังสือเทคนิค บริหารการเป็นผู้นำ หรือหนังสือที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์บุคคล การอ่านหนังสือจะช่วยพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียน เป็นต้น

เข้าร่วมคอร์สออนไลน์ มีหลายแหล่งที่คุณสามารถเรียนรู้ออนไลน์ได้ฟรีหรือเสียค่าใช้จ่าย อย่างเช่น Coursera, Skillane, หรือ Skooldio เลือกคอร์สที่เกี่ยวข้องกับ Soft Skills ที่คุณต้องการพัฒนา เช่น การนำเสนอผลงาน การเขียนเอกสารทางธุรกิจ การจัดการเวลา เป็นต้น

 ปฏิบัติการในชีวิตประจำวัน ใช้โอกาสในการปฏิบัติการในชีวิตประจำวันเพื่อพัฒนา Soft Skills ของคุณ เช่น พยายามเรียนรู้การจัดการเวลาโดยการตั้งเป้าหมายและกำหนดตารางการทำงาน เรียนรู้การจัดการความเครียดโดยการใช้เทคนิคการผ่อนคลาย เรียนรู้การสื่อสารโดยการฟังคนอื่น ๆ และติดต่อสื่อสารให้เข้าใจอย่างชัดเจน เป็นต้น

3. เลิกกลัวการสื่อสารและรับฟัง

การสื่อสารคือสิ่งสำคัญในการทำงาน และการรับฟังจะยิ่งเพิ่มความเข้าใจหรือความรู้สิ่งใหม่ ๆ อีกมาก อย่ากลัวที่จะสื่อสารหรือรับฟังผู้อื่น เพราะหากกลัวก็จะไม่ได้พัฒนา Soft Skill ด้านนี้สักที

ฝึกทักษะการสื่อสาร การฝึกทักษะการสื่อสารสามารถทำได้โดยการฝึกฟังและพูดในสถานการณ์ต่าง ๆ  ลองฝึกการสื่อสารกับเพื่อนหรือคนในครอบครัว โดยฝึกทักษะการเล่าเรื่องราวและอธิบายความคิดเห็นให้เข้าใจได้ชัดเจน

 ฟังและเข้าใจผู้อื่น เพื่อพัฒนาทักษะการรับฟัง เริ่มต้นด้วยการใช้เวลาฟังผู้คนโดยให้ความสำคัญ เมื่อคุณได้ยินคนอื่นพูด ให้ใช้เทคนิคเช่นการสรุปความเข้าใจ การถามคำถามเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน และการแสดงความเห็นที่เรียบเรียงอย่างเหมาะสม อย่าลืมให้ความสำคัญกับภาพนิ่ง ภาษากายภาพ และสัญญาณอื่น ๆ ที่ผู้คนส่งออกมา

4. หมั่นผูกมิตร ช่วยชีวิตง่ายขึ้น

การผูกมิตรกับผู้คนสามารถช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นและเพิ่ม Soft Skill ได้ อย่างที่เขาว่ากันว่า อยากให้ตัวเองเป็นยังไง ก็ให้เอาตัวเองไปอู่ตรงนั้น นี่คือเรื่องจริง สังคมและมิตรภาพจะยิ่งช่วยให้คุณได้รับสิ่งต่าง ๆ ที่แปลกใหม่อยู่เสมอ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างให้การทำงานเป็นทีมของคุณดีขึ้น

 สร้างความสัมพันธ์ที่ดี พยายามเป็นคนที่เปิดกว้างและยินดีในการรับคนใหม่เข้าสู่วงการของคุณ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีโดยการแสดงความเคารพ ความเข้าใจ และความอดทนต่อผู้อื่น ฟังและสนับสนุนเหล่านักเรียน พยายามสร้างความไว้วางใจในกลุ่มของคุณ

 เข้าร่วมกิจกรรม การเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณสนใจจะช่วยให้คุณได้พบกับผู้คนที่มีความสนใจและความสามารถที่คล้ายคลึงกัน สามารถแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้อื่น การเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องยังช่วยสร้างโอกาสในการฝึกฝนทักษะสัมพันธ์เพิ่มเติม เช่น กลุ่มศิลปะ กิจกรรมอาสาสมัคร หรือกลุ่มสนับสนุนการเรียนรู้ เป็นต้น คุณจะได้ทั้งความรู้และเพื่อนใหม่ ๆ อีกเพียบเลยด้วย

สรุป

ในทุกยุคและทุกช่วงเวลาการทำงาน Soft Skills เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะ Soft Skills เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์และการปรับตัวกับผู้อื่นในสถานการณ์การทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Gen Z หรือ Generation อื่น ทุกคนสามารถฝึกฝนและพัฒนา Soft Skills เหล่านี้ได้ทุกเมื่อ

หาคุณกำลังมองหาเครื่องมือในการบริหารจัดการพนักงานละก็ MANAWORK เป็นระบบที่ช่วยส่งเสริมการทำงานไม่ว่าจะ Generetionไหนก็ใช้งานได้ง่าย สะดวก ฟีเจอร์ครบตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่

GeneretionSoft Skills
Charida S Charida S · 17 ก.ค. 2566 เวลา 8:18 น.

SUGGEST POSTS