Productivity

ปลดล็อก Skill การทำงานให้ Productive

Project Management Tools - Productive
ปลดล็อก Skill การทำงานให้ Productive - MANAWORK

ความสำเร็จของหลาย ๆ คนเกิดจากความพยายามที่แตกต่างกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันทุกคนนั่นก็คือ มีเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันที่เท่ากัน แต่ทำไมคนอื่นเขาถึงทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จ พวกเขามีเคล็ดลับหรือวิธีการใดถึงเป็นไปได้ วันนี้เรามาแชร์ 15 ไอเดีย เพิ่ม Productivity ให้คุณใช้ชีวิตไปกับการทำงานได้อย่างเต็มที่และไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

1. ลงมือเขียนสิ่งที่ต้องทำ

เขียนสิ่งที่จะทำไว้เพื่อให้ตัวเองทราบว่าจะต้องทำสิ่งใดบ้างในแต่ละวัน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเพิ่ม Productivity ในการทำงาน เนื่องด้วยสมัยนี้คือโลกแห่งยุคดิจิทัลก็จะมีการพัฒนาเครื่องมือสำหรับช่วยให้คุณสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บข้อมูล คุณสามารถใช้ MANAWORK (Project Management Tools) แพลตฟอร์มที่ช่วยให้คุณจัดการงานบริหารทีมได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และในข้อนี้ที่คุณจะต้องจดสิ่งที่ต้องทำ สามารถบันทึกข้อมูลทั้งหมดไว้บน Project Management Tools ได้เลย โดยแพลตฟอร์ม MANAWORK มีพื้นที่ให้คุณสร้างทาสก์และแยกย่อยสิ่งที่ต้องทำเป็น To do list ได้อย่างไม่จำกัด อีกทั้งยังมี Template ให้เลือกใช้ได้ฟรีตามความเหมาะสมของกระบวนการที่คุณกำลังจะทำได้เลย จะช่วยให้คุณจัดระเบียบงานและเห็นสิ่งที่ต้องทำได้อย่างชัดเจน

อ่านเพิ่มเติม MANAWORK Template คลิก

2. ลำดับความสำคัญกับสิ่งที่คุณต้องทำ

สิ่งที่ต้องทำจำนวนมากจากที่คุณได้เขียนลงบน Project Management Tools แล้ว ซึ่งอาจจะมีจำนวนมากเกินความจำเป็น ดังนั้น ควรต้องมีการพิจารณาความสำคัญของงานก่อน โดยพิจารณาจากความเร่งด่วนของงานนั้น ๆ  หรือระยะเวลาที่ใช้ และผลตอบแทนของแต่ละงาน หากลงมือทำแบบสุ่ม ๆ ไปคุณอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ตามมาของงานที่ไม่ดีก็ได้

3. หยุดทำงานหลายอย่างพร้อมกัน

การทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้ นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่คนหนึ่งคนจะสามารถทำงานเป็นสิบอย่างให้ออกมาดีทั้งหมดได้นั้นอาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากการทำหลายอย่างพร้อมกันจะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณลดลง ไม่ได้โฟกัสงาน 1 ชิ้นได้อย่างเต็มที่ ต้องกระจายความตั้งใจไปทำงานหลาย ๆ ชิ้นในเวลาเดียวกัน ทั้งที่ผลลัพธ์ควรจะออกมามีประสิทธิภาพกลับกลายเป็นงานที่ไม่มีคุณภาพซะงั้น ดังนั้น การทำงานหลายอย่างอาจต้องมีตัวช่วยอย่าง Project Management Tools ช่วยบริหารงาน จัดลำดับความสำคัญของงานทั้งหมด คุณก็จะทำงานหลายชิ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องทำพร้อมกันก็ได้

4. ลดความฟุ้งซ่าน

การทำงานรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนไปจากเดิมไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่บ้าน (Work From Home) หรือทำงานนอกสถานที่ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติในยุคโลกยุคดิจิทัลนี้ คุณต้องตัดสิ่งรบกวนออกไปให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้จดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้า หยุดเล่นโซเชียลมิเดียทุก ๆ แพลตฟอร์มขณะกำลังทำงานอยู่ ต้องพยายามตั้งสติเพื่อไม่ให้งานหลุดกรอบเวลาที่ตั้งเป้าหมายไว้

5. จัดระเบียบพื้นที่ทำงานของคุณ

จัดระเบียบโต๊ะทำงานของคุณ ง่ายกว่าการที่ต้องมองหาสิ่งของที่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน อาจเสียเวลาเพียงไม่นานในการจัดระเบียบสิ่งของให้เข้าที่ แต่คุณจะมองเห็นสิ่งนั้นเป็นประจำโดยไม่จะต้องหาให้เสียเวลา นอกจากการจัดพื้นที่ให้เป็นระเบียบแล้วยังสามารถเพิ่มของตกแต่ง เพื่อสร้างพื้นที่ให้เกิดความพึงพอใจและกระตุ้นให้อยากทำงานมากขึ้นด้วย อาจจะมีแจกันดอกไม้เล็ก ๆ ตั้งบนโต๊ะ หรือเลือกอุปกรณ์ของใช้น่ารักเป็นกำลังใจในการทำงานก็ได้เช่นกัน

6. ติดตามและจำกัดเวลาที่คุณใช้ไปกับงาน

จำกัดเวลาที่คุณใช้ไปกับงาน เพื่อปรับเวลาให้เหมาะสมดุลกับการใช้ชีวิต (Work Life Balance) โดยการประเมินและติดตามผลงานของคุณนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่ง Project Management Tools ช่วยเก็บบันทึกผลการทำงานทั้งหมดของคุณไว้ แพลตฟอร์มที่ดีจะต้องมี Dashboard แสดงให้เห็นชัดเจนของความคืบหน้าของงาน เพื่อให้คุณทราบประสิทธิภาพในการทำงานของตนเอง หรือมองเห็นข้อบกพร่องและแก้ไขได้อย่างตรงจุด

7. เทคโนโลยีคือสิ่งจำเป็น

เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งจำเป็นมากในทุกวันนี้ เพราะการที่คุณจะทำ Digital Transformation เพื่อยกระดับองค์กรให้ก้าวนำคู่แข่งได้นั้น ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยเร่งขับเคลื่อน ดังนั้นอย่ากลัวที่จะใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อเพิ่ม Productivity ในการทำงานของคุณให้สูงขึ้น ทั้งการติดตามระยะเวลาที่ใช้ในแต่ละงาน สร้างกำหนดการ หรือตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อลดความผิดพลาดในการทำงานได้

อ่านเพิ่มเติม 8 สาเหตุของการทำ Digital Transformation (ไม่) สำเร็จ คลิก

8. ตั้งเป้าหมายที่ชาญฉลาด

กำหนดเป้าหมายอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องกำหนดวิธีการวัดความคืบหน้าของเป้าหมายนั้นด้วย เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป้าหมายนั้นเป็นจริงและสำเร็จได้ กำหนดเส้นตายเพื่อให้ทราบระยะเวลาในการดำเนินการให้ไปถึงเป้าหมายโดยไม่สับสน และการใช้ Project Management Tools เข้ามาเป็นตัวช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายและอัปเดตผลลัพธ์ของเป้าหมายนั้นให้ง่ายขึ้น

9. เลือกเพื่อนของคุณอย่างชาญฉลาด

ให้รอบตัวคุณโดนล้อมด้วยคนที่มีความพยายามแบบเดียวกันกับคุณ เพราะสามารถสื่อสารเป็นเรื่องเดียวกันได้ จะยิ่งเพิ่มพูนความรู้ของคุณและทำให้คุณมุ่งมั่นมากขึ้น ดังนั้น จงตั้งเป้าหมายที่จะหาคนที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานให้กับคุณ

10. เรียนรู้ด้วยตัวเอง

ความพยายามของคุณจะมากหรือน้อยเพียงใด ถ้าคุณหมั่นลงมือทำมันอย่างต่อเนื่อง คุณก็จะยิ่งรู้ขั้นตอนและมีทักษะใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น อย่าทิ้งเวลาทั้งหมดไปกับการเดินทาง ให้ใช้เวลานั้นเพื่อทบทวนหรือหาความรู้เพิ่มเติมดีกว่า ทำแบบนี้จนเกิดความเคยชิน แล้วคุณจะเป็นคนธรรมดาที่เก่งขึ้นเองอย่างไม่คาดคิด

11. พัฒนานิสัยการปฏิเสธ

คุณควรทำตัวให้ชินกับการปฏิเสธเพื่อนร่วมงานที่ขอความช่วยเหลือจากคุณ เพราะเขากำลังรบกวนการทำงานของคุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไม่ให้คุณช่วยเหลือใครเลย แต่วิเคราะห์หรือตัดสินใจให้แน่ใจก่อนว่าหลังจากที่คุณช่วยไปแล้วจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนนั่นเอง หากคุณมัวแต่เกรงใจตอบตกลงช่วยเขาไปหมด ตัวคุณเองนั่นแหละที่จะเดือดร้อนและงานของคุณก็จะไม่มีประสิทธิภาพตามา

12. ดำเนินการเชิงรุก ไม่โต้ตอบ 

อย่าให้อีเมลหรือโทรศัพท์เข้ามากำหนดเวลาของคุณ แต่ให้สร้างแผนล่วงหน้า และพยายามยึดติดกับตารางงานของคุณ อย่าให้คนอื่นมารบกวนการทำงานคุณได้ มิฉะนั้น จะทำให้งานของคุณออกมาไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร การนำ Project Management Tools ที่มี Timeline บอกเส้นเวลาในแต่ละงานของคุณ ช่วยให้โฟกัสในงานและวางแผนการใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น ไม่หลุดไปกับการใช้งานโซเชียลมิเดียหรือทำอะไรจนเกินกรอบเวลาจนรบกวนเวลางานของคุณไป

13. อย่ามีส่วนร่วมในการประชุมที่ไม่รู้จบ

การประชุมมีประโยชน์ทำให้ทุกคนในทีมได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในงานและต่อยอดความคิดของทุกคนได้ แต่หากว่าต้องเข้าร่วมการประชุมที่หาข้อสรุปไม่ได้ จะยิ่งทำให้เราเสียเวลาที่มีค่าไปอย่างสูญเปล่าโดยที่ไม่ได้อะไรเลย ควรตั้งกรอบเวลาในการประชุมให้ชัดเจน มีการกำหนดหัวข้อที่จะประชุมและสรุปออกมาเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ของการประชุมว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป มีเป้าหมายให้ไปต่อ  และคุณจะรู้สึกมี Productivity ในการทำงานมากขึ้น ไม่ต้องเซ็งกับเวลาประชุมที่เสียไปอย่างไม่มีเป้าหมายอีกต่อไป

14. เน้นกิจกรรม ที่เน้นผลลัพธ์

หลายกิจกรรมที่คุณทำตลอดทั้งวันนั้น แน่นอนว่าต้องมีกิจกรรมหลายอย่างที่ไม่เร่งด่วนและมักจะไม่มีผลกระทบกับชีวิตของเราอย่างชัดเจน การทำกิจกรรมที่มีประโยชน์จะทำให้คุณมี Productivity เพิ่มขึ้น มากกว่าการทำในสิ่งที่ไม่เกิดผลลัพธ์อะไรเลย

15. อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย

คุณอาจคิดว่าประสิทธิภาพในการทำงาน คือการทำงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่อย่าลืมว่ามีสิ่งที่สำคัญมากกับคุณไม่แพ้เรื่องงานเลยก็คือ คุณต้องลงทุนในทุกด้านของชีวิต เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเหมาะสม ซึ่งการพักผ่อนให้เพียงพอจะทำให้คุณสดชื่นมีแรงบันดาลใจที่จะทำงาน รักษาสมดุลในชีวิตและการทำงานให้ดี มี Productivity พร้อมกับการตื่นมาทำหน้าที่ในทุก ๆ วัน

และนี่คือสิ่งที่เรารวบรวมมา เพื่อช่วยให้คุณกลายเป็นคุณเวอร์ชันที่มี Productivity และประสบความสำเร็จมากขึ้น ทั้งด้านการทำงานและการใช้ชีวิต เพราะทั้ง 2 อย่างนี้ต้องขับเคลื่อนควบคู่กันไปคุณถึงจะมีความสุข

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คลิก!!!👉 https://manawork.com/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางทีมงานได้ทาง Facebook หรือ Line

นัดเดโม่ / ข้อเสนอแบบองค์กร ติดต่อได้ที่ 063-535-1193 (ทีมมานะ)

— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —

#MANA มานะ

ProductivityProject Management ToolsDigital Transformation
Charida S Charida S · 23 ธ.ค. 2565 เวลา 10:09 น.

SUGGEST POSTS