เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้ทำให้หลายองค์กรพยายามทำให้องค์กร Lean มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และดูแลพัฒนาพนักงานที่มีอยู่ให้มี Productivity สูงที่สุด ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าแต่ละองค์กรจะมีค่าใช่จ่ายปลีกย่อยแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือนพนักงาน ค่าเช่าสำนักงาน หรือค่าก่อสร้างและตกแต่งภายใน ซอฟต์แวร์ ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ค่าจ้างแม่บ้านทำความสะอาด ค่าเดินทาง ต้นทุนการผลิต ค่าปรับ ภาษี และอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ
และด้วยสภาพการณ์ระบาดของ Covid-19 ไปทั่วโลกยิ่งเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้เห็นว่าองค์กรจะพ่ายแพ้ต่อวิกฤตหรือสามารถปรับตัวและเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหนึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดมากที่สุดและหลายองค์กรนำมาปรับใช้ก็คือการทำ Digital Transformation นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้ในระบบการทำงาน อย่างเช่น การ Work from home ที่ฮิตติดปากกันอยู่ตอนนี้ ที่จริง ๆ แล้วเทรนด์นี้เกิดขึ้นมาสักพักใหญ่ ๆ แล้วในอังกฤษ อเมริกา และในยุโรป ที่ได้มีซอฟต์แวร์มารองรับการทำงานและประชุมกันผ่านระบบ Video Conference หรือการทำงานบน Cloud ทั้งหมดทำให้พนักงานในองค์กรนั้น ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมือนว่าทำงานอยู่ในสำนักงานเดียวกัน
ย้อนกลับไปในปี 2008 ช่วงนั้นเกิด Global Financial Crisis ที่กระทบไปทั่วโลก ทำให้อเมริกาเกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น หลายองค์กรขาดทุนล้มหายตายจากไป แต่บางองค์กรที่ยังดำเนินกิจการต่อได้ก็เนื่องจากการ Work from home เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายอย่าง ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์และค่าใช้จ่ายปลีกย่อยอื่น ๆ
ลองคิดดูเล่น ๆ ว่า องค์กรขนาดกลางมีพนักงาน 50-100 คน ยกเลิกการเช่าพื้นที่สำนักงานขนาดอย่างน้อยที่สุด 1,000 ตร.ม. ในกรุงเทพประมาณเดือนละไม่ต่ำกว่า 150,000 บาท ตกปีละกว่า 1,800,000 บาท นี่ยังไม่รวมค่าส่วนกลางอาคาร ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าภาษีโรงเรือน ค่าที่จอดรถ ค่าอุปกรณ์สำนักงาน และใช้จ่ายอื่น ๆ อีกมากมายที่คนที่รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก็คงทราบกันดี
อีกส่วนสำคัญก็คือพนักงานที่เป็นตัวขับเคลื่อนกิจกรรมและสร้างผลประกอบการให้กับองค์กร การ Work from home เป็นผลดีต่อพนักงานและองค์กรหรือไม่? มาดูกันชัด ๆ ว่าคนเหล่านั้นต้องเผชิญอะไรบ้างในแต่ละวัน พนักงานต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเดินทางในเมืองที่การสัญจรบนท้องถนนเอาแน่เอานอนไม่ได้แถมค่าใช้จ่ายในการเดินทางแต่ละครั้งก็แพงกว่าค่าอาหารที่กินในแต่ละวันด้วยซ้ำ แถมกว่าจะถึงบ้านก็ใช้เวลานานจนไม่มีเวลาพักผ่อนจนเกิดปัญหาสุขภาพทั้งทางกายและทางจิต แล้วสุดท้ายก็ส่งผลกระทบต่อระบบงานในองค์กรเป็นลูกโซ่
อีกทั้งการจ้างงานพนักงานเข้ามาเพิ่มนั้นอาจเป็นสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เนื่องจากรายได้สวนทางกับค่าจ่ายที่เสียไป ดังนั้นทางองค์กรต้องมุ่งเน้นในการพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้มากที่สุด สามารถดูแลภาระงานที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
จะดีกว่ามั้ยถ้าสามารถนำองค์กรให้ Work from home ได้แบบ 100% องค์กรสามารถลดรายจ่าย พนักงงานมีความสุข แล้วนำรายได้ไปพัฒนาในส่วนที่สำคัญอื่น ๆ ได้อย่างคุ้มค่าเพียงเลือกเครื่องมือประสานงานที่มีประสิทธิภาพอย่าง #MANAมานะ
👨🏼💻 ทำให้ประสานงานกันได้ง่าย เห็นภาพรวมของการทำงาน
👩🏼💻 นำ Template งานอย่าง Kanban, Scrum, CRM และอื่น ๆ มาปรับใช้บนออนไลน์
👨🏼💻 วางระบบพัฒนาทรัพยากรบุคคล (HR) กำหนดทิศทางและเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงาน
👩🏼💻 วางแผนประเมิน OKRs และ KPIs ได้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
👨🏼💻 ติดตามการดำเนินงานกันได้แบบ Real-Time
จ่ายเพียงแค่หลักร้อยต่อ User ต่อเดือน เท่านั้น แต่ MANA สามารถช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายบางส่วน แถมยังบริหารจัดการงานในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คลิก!!!👉 manawork.com หรือ โทร 063-535-1196 (ทีม MANAWORK)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางทีมงานได้ทาง Facebook หรือ Line
หรือ สนใจเข้าใช้ระบบ MANA มานะ ที่นี่
— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —
#MANA มานะ
